วันพฤหัสบดีที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2556

ปริมาตรปริซึมและทรงกระบอก

แบบฝึกหัด ปริมาตรของปริซึม และทรงกระบอก
ในแบบฝึกหัดนี้ เป็นการหาปริมาตร ของ, ปริซึมทรงสี่เหลี่ยม,
ปริซึมทรงสามเหลี่ยม

1 . จงหาปริมาตรของปริซึม ต่อไปนี้(ความยาวที่กำหนดให้มีหน่วยเป็นเซนติเมตร)  
ปริมาตร =  พื้นที่ฐาน x สูง
พืนที่ฐานสี่เหลี่ยม    =   3.5 x 4 =  14   
สูง                    =      6
ดังนั้นปริมาตร        =      พื้นที่ฐาน x สูง 
                       =      14 x  6
                       =       84  ลูกบาศก์เซนติเมตร 
     2. ในข้อนี้หาปริมาตร  จาก รูปด้านบน เราพิจารณา
     ว่าเกิดจากปริซึมทรงสี่เหลี่ยม + ปริซึมทรงสามเหลี่ยม
                         ( สีแดง )           ( สีขาว )
ปริซึมทรงสี่เหลี่ยม =  พื้นที่ฐาน  x  สูง
                      =  ( 12   x  16 )   x  4
                      =         192        x  4  
                      =         768    ลูกบาศก์เซนติเมตร
ปริซึมทรงสามเหลี่ยม  =  พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   x  สูง
 
พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   =   ½   X   ฐาน    X   สูง
                                        =  ½  X    16      X  ( 12 - 4 )
                                       =    64     ลูกบาศก์เซนติเมตร
ดังนั้น เราจะได้
ปริซึมทรงสามเหลี่ยม  =   พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   X  สูง
                                       =   64  x  12
                                       =   768   ลูกบาศก์เซนติเมตร
 ดังนั้น  
ปริมาตร ทั้งหมด =  ปริซึมทรงสี่เหลี่ยม + ปริซึมทรงสามเหลี่ยม      
                                 =    768    +   768
                                 =    1,536     ลูกบาศก์เซนติเมตร
3. ปริมาตรปริซึมทรงสามเหลี่ยม   =  พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   X  สูง
หา    พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   =   ½   X   ฐาน    X   สูง
                                    = ½  X    3.3      X     1.1
                                    =   1.815   ตารางเซนติเมตร
ปริมาตรปริซึมทรงสามเหลี่ยม  =  พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   X  สูง
                                 =   1.815  x  3
                                 =    5.445    ลูกบาศก์เซนติเมตร
4. ในข้อนี้หาปริมาตร  จาก รูปด้านบน เราพิจารณา
ว่าเกิดจากปริซึมทรงสี่เหลี่ยม + ปริซึมทรงสามเหลี่ยม
                                  ( สีฟ้า )           ( สีขาว )

ปริซึมทรงสี่เหลี่ยม =  พื้นที่ฐาน  X  สูง
=  ( 12   X  10 )   X  7
=         120        X  7
=         840    ลูกบาศก์เซนติเมตร
ปริซึมทรงสามเหลี่ยม  =  พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   X  สูง
พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   =   ½   X   ฐาน    X   สูง
= ½  X    5      X     4
=    10    ลูกบาศก์เซนติเมตร
ดังนั้น เราจะได้
ปริซึมทรงสามเหลี่ยม  = พื้นที่ฐานสามเหลี่ยม   X  สูง
=   10    X    10
=   100   ลูกบาศก์เซนติเมตร
ดังนั้น
ปริมาตร ทั้งหมด = ปริซึมทรงสี่เหลี่ยม + ปริซึมทรงสามเหลี่ยม
=    840    +   100
=    940  ลูกบาศก์เซนติเมตร





ที่มาของข้อมูล : http://www.goonone.com/index.php/2010-06-07-03-09-30/869--12-
Last Updated on Friday, 27 May 2011 11:14

เซต


ในการเขียนแผนภาพแทนเซต เราเขียนรูปปิดสี่เหลี่ยมมุมฉากแทนเอกภพสัมพัทธ์ และรูปปิดวงกลม หรือวงรีแทนสับเซตของเอกภพสัมพัทธ์ ดังนี้





เราเรียกแผนภาพดังกล่าวข้างต้นนี้ว่า "แผนภาพเวนน์ - ออยเลอร์" (Venn-Euler Diagram)
ยูเนียน (Union)

บทนิยาม    เซต A ยูเนียนกับเซต B คือเซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A หรือ เซต B หรือทั้ง A และ B สามารถเขียนแทนได้ด้วย สัญลักษณ์  B

ตัวอย่างเช่น
A ={1,2,3}
B= {3,4,5}
 A  B = {1,2,3,4,5}
อินเตอร์เซกชัน (Intersection)

บทนิยาม       เซต A  อินเตอร์เซกชันเซต B คือ เซตซึ่งประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของเซต A และเซต B สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์
 B
ตัวอย่างเช่น
A ={1,2,3}
B= {3,4,5}
 A  B = {3}



คอมพลีเมนต์ (Complements)
     
           บทนิยาม     ถ้าเซต A ใดๆ ในเอกภพสัมพัทธ์ U แล้วคอมพลีเมนต์ของเซต A คือ เซตที่ประกอบด้วยสมาชิกที่เป็นสมาชิกของ
                    แต่ไม่เป็นสมาชิกของ A สามารถเขียนแทนได้ด้วยสัญลักษณ์ A'

ตัวอย่างเช่น
U = {1,2,3,4,5}

A ={1,2,3}
 A' = {4,5}
 




ปริมาตรพีระมิด


ปริมาตรพีระมิด
พีระมิด (Pyramid) คือ ทรงสามมิติที่มีฐานเป็นรูปเหลี่ยมใดๆ มียอดแหลมซึ่งไม่อยู่บนระนาบเดียวกับฐาน และหน้าทุกหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยมที่มีจุดยอดร่วมกันที่ยอดแหลมนั้นนิยมเรียกชื่อพีระมิดตามลักษณะของฐาน เช่น พีระมิดฐานสามเหลี่ยม พีระมิดฐานสี่เหลี่ยมผืนผ้า พีระมิดฐานหกเหลี่ยมด้านเท่า เป็นต้น



พีระมิดแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ คือ พีระมิดตรง และ พีระมิดเอียง
พีระมิดตรง หมายถึง พีระมิดที่มีฐานเป็นรูปเหลี่ยมด้านเท่าทุกมุม มีสันยาวเท่ากันทุกเส้น จะมีสูงเอียงทุกเส้นยาวเท่ากัน และส่วนสูงตั้งฉากกับฐานที่จุดซึ่งอยู่ห่างจากจุดยอดมุมของรูปเหลี่ยมที่เป็นฐานมีระยะเท่ากัน มีหน้าทุกหน้าเป็นรูปสามเหลี่ยมหน้าจั่ว ส่วนกรณีที่มีสันทุกสันยาวไม่เท่ากัน สูงเอียงทุกเส้นยาวไม่เท่ากัน เรียกว่า พีระมิดเอียง



พื้นที่ผิวของพีระมิด
พื้นที่ของหน้าทุกหน้าของพีระมิดรวมกัน เรียกว่า พื้นที่ผิวข้างของพีระมิด และพื้นที่ข้างของพีระมิดรวมกับพื้นที่ฐานของพีระมิด เรียกว่า พื้นที่ผิวของพีระมิด


ปริมาตรพีระมิด

ตัวอย่าง 1 : จงหาปริมาตรของพีระมิดตรงฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่มีด้านฐานยาวด้านละ 22 เซนติเมตร ส่วนสูง 15 เซนติเมตร
วิธีทำ   สูตร ปริมาตรของพีระมิด =  1/3  × พื้นที่ฐาน × สูง
ได้ปริมาตรของพีระมิดนี้ =   1/3  × ( ด้าน × ด้าน ) × สูง
=    1/3  × ( 22 × 22 ) × 15
=    22  × 22  ×  5
=  2,420  ลูกบาศก์เซนติเมตร

ตอบ 2,420 ลบ.ซม.

ตัวอย่าง 2 : จงหาปริมาตรของพีระมิดตรงฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส ที่มีด้านฐานยาวด้านละ 14 เซนติเมตร สูงเอียงยาว 25 เซนติเมตร
วิธีทำ  เนื่องจาก สูตรของปริมาตรพีระมิด =  1/3  × พื้นที่ฐาน × สูง แต่โจทย์ไม่ได้กำหนดส่วนสูงมากให้ ดังนั้น ต้องหาส่วนสูงก่อน

ขั้นที่ 1 หาส่วนสูง
 ให้ AB เป็นความสูงเอียง, AC เป็นส่วนสูง
BC เป็นความยาวครึ่งหนึ่งของด้านฐานยาว คือ 14 ÷ 2 = 7 นิ้ว ตามทฤษฎีปีทาโกรัส ในรูปสามเหลี่ยมมุมฉาก ABC
 AC2   +  72     =  252
 AC2              =  625 – 49
 AC2              =   576
 AC               =   24             
เพราะฉะนั้น ส่วนสูงยาว 24 นิ้ว
 ขั้นที่ 2 หาปริมาตร
สูตรของปริมาตรพีระมิด =  1/3  × พื้นที่ฐาน × สูง
ได้ปริมาตรของพีระมิดนี้ =  1/3  × ( ด้าน × ด้าน ) × สูง
=   1/3  × ( 14 × 14 ) × 24
=    14  × 14  ×  8
=  1,568  ลูกบาศก์เซนติเมตร






ที่มา : http://ganitasastra.wordpress.com/2013/04/02/pyramid/
Posted on

ทฤษฎีพีทาโกรัส



 

ปีทาโกรัส (Pythagoras) ประมาณ 572 - 500 ก่อนคริสต์ศักราช 
ประวัติ 
                      ปีทาโกรัสเป็นชาวกรีก เกิดที่เกาะซามอสใกล้กับเอเซียไมเนอร์ เนื่องจากทรราช Polycrates ท่านจำต้องออกจากเกาะซามอส กล่าวกันว่าท่านเคยศึกษาที่อียิปต์และ เป็นศิษย์ของทาลิส ปีทาโกรัสได้ก่อตั้งสำนักปิทาโกเรียน ที่เมือง Crotona ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ ประเทศอิตาลี ปีทาโกรัสคิดว่าปริมาณต่าง ๆ ในธรรมชาติสามารถเขียนในรูปเศษส่วนของ จำนวนนับ จนมีคำขวัญของสำนักว่า "ทุกสิ่งคือจำนวนนับ" เมื่อมีการค้นพบจำนวนอตรรกยะขึ้น ทำให้ปีทาโกรัสและศิษย์ทั้งหลายเสียขวัญและกำลังใจ เมื่อทางราชการขับไล่เพราะกล่าวหาว่า สำนักปีทาโกเรียนเป็นสถาบันศักดินา สำนักปีทาโกเรียนก็สูญสลายไป 
ผลงาน 
                 เราไม่ทราบแน่ชัดว่าผลงานชิ้นใดเป็นของปีทาโกรัส ชิ้นใดเป็นของลูกศิษย์ จึงกล่าวรวม ๆ ว่าเป็นของสำนักปีทาโกเรียน ซึ่งมีดังนี้
1.
จำนวนคู่และจำนวนคี่ 
2.
ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างเศษส่วนกับทฤษฎีของดนตรี 
3.
จำนวนเชิงรูปเหลี่ยม เช่น จำนวนเชิงสามเหลี่ยม , จำนวนเชิงจตุรัส 
4.
จำนวนอตรรกยะ 
5.
พีชคณิตเชิงเรขาคณิต 
6.
พิสูจน์ทฤษฎีบทปีทาโกรัส

 ปีทาโกรัส (Pythagoras) ประมาณ 572 - 500 ก่อนคริสต์ศักราช 
ประวัติ 
ปีทาโกรัสเป็นชาวกรีก เกิดที่เกาะซามอสใกล้กับเอเซียไมเนอร์ เนื่องจากทรราช Polycrates ท่านจำต้องออกจากเกาะซามอส กล่าวกันว่าท่านเคยศึกษาที่อียิปต์และ เป็นศิษย์ของทาลิส ปีทาโกรัสได้ก่อตั้งสำนักปิทาโกเรียน ที่เมือง Crotona ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของ ประเทศอิตาลี ปีทาโกรัสคิดว่าปริมาณต่าง ๆ ในธรรมชาติสามารถเขียนในรูปเศษส่วนของ จำนวนนับ จนมีคำขวัญของสำนักว่า "ทุกสิ่งคือจำนวนนับ" เมื่อมีการค้นพบจำนวนอตรรกยะขึ้น ทำให้ปีทาโกรัสและศิษย์ทั้งหลายเสียขวัญและกำลังใจ เมื่อทางราชการขับไล่เพราะกล่าวหาว่า สำนักปีทาโกเรียนเป็นสถาบันศักดินา สำนักปีทาโกเรียนก็สูญสลายไป 
ผลงาน 
เราไม่ทราบแน่ชัดว่าผลงานชิ้นใดเป็นของปีทาโกรัส ชิ้นใดเป็นของลูกศิษย์ จึงกล่าวรวม ๆ ว่าเป็นของสำนักปีทาโกเรียน ซึ่งมีดังนี้ :- 
1. จำนวนคู่และจำนวนคี่ 
2. ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างเศษส่วนกับทฤษฎีของดนตรี 
3. จำนวนเชิงรูปเหลี่ยม เช่น จำนวนเชิงสามเหลี่ยม , จำนวนเชิงจตุรัส 
4. จำนวนอตรรกยะ 
5. พีชคณิตเชิงเรขาคณิต 
6. พิสูจน์ทฤษฎีบทปีทาโกรัส

ตามที่ได้กล่าวไปแล้วข้างต้น หาก c แทนความยาวด้านตรงข้ามมุมฉาก และ a และ b แทนความยาวของอีกสองด้านที่เหลือแล้ว ทฤษฎีบทพีทาโกรัสจะสามารถเขียนในรูปสมการพีทาโกรัสได้ดังนี้


ถ้าทราบความยาวของทั้ง a และ b ค่า c จะสามารถคำนวณได้ดังนี้
ถ้าทราบความยาวด้านตรงข้ามมุมฉาก c และด้านประชิดมุมฉากด้านใดด้านหนึ่ง (a หรือ b) แล้ว ความยาวด้านที่เหลือสามารถคำนวณได้ดังนี้


หรือ


ทฤษฎีบทพีทาโกรัสกำหนดความสัมพันธ์ของด้านทั้งสามของสามเหลี่ยมมุมฉากอย่างง่าย เพื่อที่ว่าถ้าทราบความยาวของด้านสองด้าน ก็จะสามารถหาความยาวของด้านที่เหลือได้ อีกบทแทรกหนึ่งของทฤษฎีบทพีทาโกรัสคือ ในสามเหลี่ยมมุมฉากใด ๆ ด้านตรงข้ามมุมฉากจะยาวกว่าสองด้านที่เหลือ แต่สั้นกว่าผลรวมของทั้งสอง
ทฤษฎีบทดังกล่าวสามารถกล่าวโดยสรุปได้เป็นกฎของโคซายน์ ซึ่งเมื่อให้ความยาวของด้านทั้งสองและขนาดของมุมระหว่างด้านนั้นมา จะสามารถคำนวณหาความยาวด้านที่สามของสามเหลี่ยมใด ๆ ได้ ถ้ามุมระหว่างด้านเป็นมุมฉาก กฎของโคซายน์จะย่อลงเหลือทฤษฎีบทพีทาโกรัส




แหล่งที่มา   :    http://bit.ly/z9ORaL

http://www.goonone.com/index.php/-11-/571--12-

ห.ร.ม

ห.ร.ม.  หรือ ตัวหารร่วมมาก 

           คือตัวประกอบร่วม ที่ทีค่ามากที่สุด 

กล่าวอย่างเข้าใจง่าย ๆว่า " ห.ร.ม. ของกลุ่ม จำนวนใด ๆ หมายความว่า

ห.ร.ม. ตัวนั้น จะต้องมีค่ามากที่สุด ที่สามารถ หารสมาชิกทุกตัวในกลุ่ม นั้น ลงตัว "

ยกตัวอย่างเช่น  ห.ร.ม.  ของ  20, 60   มี ห.ร.ม. คือ  4  ดังนั้น  4 จะเป็นตัวประกอบที่มากที่สุด
ที่สามารถ หารทั้งสองจำนวนได้ ลงตัว 
ต่อไปเราจะเรียนรู้ในการหา ห.ร.ม. โดยวิธีแยกตัวประกอบ

ตัวอย่างที่




ตัวอย่างที่ 2



ตัวอย่างที่3




 
Last Updated on Monday, 08 April 2013 13:08